Articles

10 วิธีซักเสื้อกีฬาอย่างถูกวิธี ถนอมเนื้อผ้าและขจัดกลิ่นอับ

10 วิธีซักเสื้อกีฬาให้สะอาดหมดจด ไม่ย้วย ไม่หด ถนอมผ้าและขจัดกลิ่นอับ ด้วยการแยกซัก กลับด้าน ใช้น้ำเย็น เลี่ยงน้ำยาปรับผ้านุ่ม และไม่ปั่นแห้ง

August 1, 2025

เสื้อกีฬาตัวโปรดที่ใส่ลุยทุกกิจกรรมมาอย่างโชกโชน นอกจากคราบเหงื่อไคลแล้ว ยังต้องเผชิญกับปัญหาผ้าเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ทั้งผ้าย้วย หด และมีกลิ่นอับฝังแน่น การเรียนรู้วิธีซักเสื้อกีฬาที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานให้เสื้อยังคงสภาพดีเหมือนใหม่ พร้อมใส่ลงสนามครั้งต่อไป บทความนี้ได้รวบรวมเทคนิคการดูแลเสื้อกีฬามาให้ทุกคนได้ทำตามกันอย่างง่าย ๆ เพื่อประสิทธิภาพการซักที่ดีที่สุด

10 วิธีซักเสื้อกีฬาอย่างถูกวิธี

การดูแลเสื้อกีฬาให้ใช้ได้นานและคงประสิทธิภาพนั้นเริ่มต้นตั้งแต่ขั้นตอนการซัก การทำความสะอาดที่ถูกต้องไม่เพียงแต่ช่วยขจัดคราบสกปรกและกลิ่นไม่พึงประสงค์ แต่ยังเป็นการถนอมเนื้อผ้าให้คงรูปสวยงาม ไม่ยืดไม่ย้วย พร้อมสำหรับทุกการแข่งขัน นี่คือ 10 วิธีซักเสื้อกีฬาง่าย ๆ ที่จะเปลี่ยนการซักเสื้อกีฬาของเราให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

1. แยกซัก

ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดคือการแยกเสื้อกีฬาออกจากเสื้อผ้าประเภทอื่น โดยเฉพาะเสื้อผ้าสีขาวและผ้าขนหนู เนื่องจากเสื้อกีฬามักมีสีสันสดใส การซักรวมกันอาจทำให้สีตกใส่เสื้อผ้าชิ้นอื่นได้ นอกจากนี้ แบคทีเรียและกลิ่นจากเสื้อกีฬาที่ชุ่มเหงื่ออาจปนเปื้อนไปยังเสื้อผ้าอื่น ๆ ได้ การแยกซักจึงเป็นวิธีซักเสื้อกีฬาที่ช่วยป้องกันปัญหาสีตกและรักษาความสะอาดของเสื้อผ้าทุกชิ้นในตะกร้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

2. กลับด้านในก่อนซัก

ก่อนนำเสื้อกีฬาใส่ลงในถังซัก ควรสละเวลาสักนิดเพื่อกลับด้านในของเสื้อออกมาก่อน วิธีนี้จะช่วยถนอมพื้นผิวด้านนอกของเสื้อผ้า โดยเฉพาะโลโก้ สกรีน หรือลวดลายต่าง ๆ ไม่ให้ถูกเสียดสีโดยตรงกับถังซักหรือเสื้อผ้าชิ้นอื่นจนเสียหายหรือหลุดลอก นอกจากนี้ ด้านในของเสื้อเป็นส่วนที่สัมผัสกับเหงื่อและแบคทีเรียโดยตรง การกลับด้านซักจะช่วยให้ผงซักฟอกเข้าทำความสะอาดและขจัดกลิ่นอับได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

3. ใช้น้ำเย็น

การเลือกใช้น้ำเย็นในการซักเสื้อกีฬาถือเป็นหัวใจสำคัญในการถนอมเนื้อผ้า เนื่องจากเสื้อกีฬาส่วนใหญ่ผลิตจากใยสังเคราะห์ เช่น โพลีเอสเตอร์ (Polyester) หรือสแปนเด็กซ์ (Spandex) ซึ่งไวต่อความร้อนสูง การใช้น้ำร้อนอาจทำให้เส้นใยผ้าหดตัว เสียรูปทรง และลดความยืดหยุ่นลงได้ อีกทั้งความร้อนยังอาจทำให้สีสันของเสื้อซีดจางเร็วกว่าที่ควร การซักด้วยน้ำเย็นจึงเป็นวิธีซักเสื้อกีฬาที่ดีที่สุดในการรักษาสภาพและยืดอายุการใช้งาน

4. ซักด้วยมือ

ซักด้วยมือ

หากมีเวลา การซักเสื้อกีฬาด้วยมือเป็นวิธีที่อ่อนโยนและถนอมเนื้อผ้าได้ดีที่สุด โดยเริ่มจากการแช่เสื้อในน้ำเย็นผสมผลิตภัณฑ์ซักฟอกสูตรอ่อนโยนประมาณ 15-30 นาที จากนั้นขยี้เบา ๆ เน้นบริเวณที่มีคราบเหงื่อหรือสิ่งสกปรกสะสม เช่น ใต้วงแขนหรือคอเสื้อ การซักด้วยมือช่วยให้เราควบคุมแรงขยี้ได้ ไม่ทำให้เนื้อผ้าถูกบิดดึงรุนแรงจนเสียทรง เป็นการดูแลเสื้อตัวโปรดให้ยังคงคุณภาพดีเยี่ยมเหมือนวันแรกที่ซื้อมา

5. หากต้องใช้เครื่อง ควรใส่ถุงซักผ้า

สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาซักมือการใช้เครื่องซักผ้าก็ยังเป็นทางเลือกที่สะดวก แต่ควรมีตัวช่วยสำคัญอย่างถุงซักผ้า การนำเสื้อกีฬาใส่ลงในถุงซักผ้าก่อนหย่อนลงถัง จะช่วยลดแรงเสียดสีระหว่างเสื้อกับเสื้อผ้าชิ้นอื่น ๆ และตัวถังซัก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เนื้อผ้าเป็นขุย สกรีนแตก หรือตะเข็บปริได้ 

6. ใช้น้ำยาซักผ้าปริมาณพอดี

ความคิดที่ว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ซักฟอกในปริมาณมากจะช่วยให้เสื้อสะอาดขึ้นนั้นไม่เป็นความจริงเสมอไป โดยเฉพาะกับเสื้อกีฬา การใช้ผลิตภัณฑ์ซักฟอกมากเกินความจำเป็นอาจทิ้งสารตกค้างไว้บนใยผ้า ซึ่งจะกลายเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียและก่อให้เกิดกลิ่นอับชื้นได้ง่ายขึ้น ควรอ่านฉลากและใช้ในปริมาณที่แนะนำ หรืออาจลดปริมาณลงเล็กน้อย เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำจะสามารถชะล้างผลิตภัณฑ์ซักฟอกออกไปได้อย่างหมดจด

7. หลีกเลี่ยงน้ำยาปรับผ้านุ่ม

แม้ว่าน้ำยาปรับผ้านุ่มจะช่วยให้เสื้อผ้ามีกลิ่นหอมและสัมผัสนุ่ม แต่สำหรับเสื้อกีฬาแล้วถือเป็นสิ่งต้องห้าม เนื่องจากสารเคลือบในน้ำยาปรับผ้านุ่มจะเข้าไปอุดตันตามรูพรุนของเนื้อผ้า ทำให้คุณสมบัติในการระบายอากาศและซับเหงื่อของผ้าลดลงอย่างมาก เมื่อผ้าไม่สามารถระบายความชื้นได้ดีพอ ก็จะกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียและก่อให้เกิดกลิ่นอับที่ซักออกได้ยากยิ่งขึ้น ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงเพื่อรักษาประสิทธิภาพของชุดกีฬาไว้

8. กำจัดกลิ่นด้วยน้ำส้มสายชู

สำหรับเสื้อกีฬาที่มีปัญหากลิ่นอับฝังแน่น สามารถใช้ตัวช่วยจากในครัวอย่างน้ำส้มสายชูเข้ามาจัดการได้ ก่อนทำการซักตามปกติ ให้นำเสื้อกีฬาแช่ในน้ำเย็นที่ผสมน้ำส้มสายชู (ประมาณ 1 ถ้วยต่อน้ำ 4-5 ลิตร) ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที กรดอ่อน ๆ ในน้ำส้มสายชูจะช่วยสลายคราบเหงื่อไคลและกำจัดแบคทีเรียที่เป็นต้นตอของกลิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นวิธีซักเสื้อกีฬาที่ช่วยคืนความหอมสดชื่นให้กลับมาอีกครั้ง

9. ห้ามปั่นแห้ง

ความร้อนสูงจากเครื่องอบผ้าถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของเสื้อกีฬา เพราะสามารถทำลายเส้นใยสังเคราะห์ ทำให้ผ้าหดตัวถาวร สูญเสียความยืดหยุ่น และทำให้สกรีนบนเสื้อละลายหรือแตกเสียหายได้ วิธีที่ดีที่สุดในการทำให้เสื้อแห้งคือการนำไปตากในที่ร่มซึ่งมีอากาศถ่ายเทสะดวกและลมพัดผ่าน แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าก็เพียงพอแล้ว ควรหลีกเลี่ยงการตากกลางแดดจัดโดยตรงเป็นเวลานาน เพราะรังสียูวีอาจทำให้สีของเสื้อซีดจางได้

10. ซักทันที

เคล็ดลับที่ง่ายแต่หลายคนมักมองข้าม คือการซักเสื้อกีฬาทันทีหลังใช้งานเสร็จ การทิ้งเสื้อที่ชุ่มเหงื่อไว้ในตะกร้าผ้าเป็นเวลานาน คือการเปิดโอกาสให้แบคทีเรียเติบโตและสร้างกลิ่นไม่พึงประสงค์ฝังลึกลงในใยผ้า ซึ่งจะทำให้การซักในภายหลังยากขึ้น หากยังไม่สะดวกซักในทันที อย่างน้อยที่สุดควรนำเสื้อออกจากกระเป๋ายิมแล้วผึ่งลมไว้ในที่อากาศถ่ายเท เพื่อให้เหงื่อแห้งและลดความอับชื้นเบื้องต้นก่อนนำไปซัก

สรุปบทความ

การดูแลเสื้อกีฬาให้คงสภาพดีและปราศจากกลิ่นอับนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ตั้งแต่การแยกซัก กลับด้านเสื้อ ใช้ผลิตภัณฑ์ในปริมาณที่พอเหมาะ หลีกเลี่ยงน้ำยาปรับผ้านุ่มและความร้อนสูง เพียงเท่านี้ก็สามารถยืดอายุเสื้อกีฬาตัวโปรดให้พร้อมใช้งานได้อีกนาน สำหรับผู้ประกอบการร้านสะดวกซักที่ต้องการมอบประสบการณ์การซักผ้าที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมจาก SPINZ มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยและโปรแกรมการซักที่หลากหลาย สามารถดูแลผ้าทุกประเภทได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

More News